ขับด้วยความเร็วเท่าไหร่ ? ประหยัดน้ำมันที่สุด !

สวัสดีครับทุกท่าน ท่านเคยสงสัยไหมครับว่า

ความเร็วที่ประหยัดน้ำมันที่สุด คือ ความเร็วกี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง ?

วันนี้เรามีคำตอบครับผม การขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม ขับรถไม่ได้เร็วจนเกินไป และก็ไม่มีการเร่งแซงโดยไม่มีความจำเป็น จะช่วยให้รถของท่านประหยัดน้ำมันเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเรารวมรวมมาจะมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบต่อไปนี้ ...

ความเร็วที่เหมาะสม 

โดยอัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด ที่รถประหยัดน้ำมันคือ อัตราความเร็วที่อยู่ในช่วง 60 -  80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ต้องขับด้วยความเร็วที่คงที่  และการขับรถช้า จนเกินไป ไม่ใช่ว่าจะประหยัดน้ำมัน  มันยิ่งทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น นอกจากในเรื่องของความเร็วแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะช่วยลดประหยัดน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น

การวางแผนก่อนการเดินทาง 

วางแผนเส้นทางที่เราจะไปล่วงหน้า พยายามวางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด (ถ้าเลี่ยงได้ เเละไม่ไกลจนเกินไป)  หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ขยับไปไหน มาไหนไม่ได้เลย เพราะว่า หากรถเราสตาร์ทเครื่อง จอดอยู่เฉย ๆ นาน 4 - 5 นาที จะสิ้นเปลืองน้ำมัน เกือบครึ่งลิตร กันเลยทีเดียว

การเปิดแอร์ภายในรถ

พยายามปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ตั้งต่ำจนเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ และจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน และพยายามมันตรวจเช็คกรองแอร์ ว่ามีฝุ่นเกาะอยู่หรือเปล่า ถ้ามีฝุ่นเกาะอยู่มากจะทำให้แอร์เย็นช้าเช่นกัน เป่าฝุ่นออกอยู่เป็นประจำ

ตรวจเช็คลมยางก่อนออกเดินทาง

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเท่านั้น ยังเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางอีกด้วย ตรวจเช็คลมยางเป็นประจำ ว่ามีสภาพที่สึกหรอถึงระดับต้องเปลี่ยนหรือยัง ถ้าลมอ่อนจนเกินไป จะส่งผลให้รถทรงตัวไม่ดีและสิ้นเปลืองน้ำมัน และข้อแนะนำ ให้เข้าตรวจตั้งศูนย์ถ่วงล้อตามระยะเวลาที่กำหนด

ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ

หมั่นเป่าไส้กองอากาศ อย่างสม่ำเสมอ ประมาณทุก ๆ 3,000 กิโลเมตร หรือประมาณ สี่สัปดาห์ต่อครั้ง และพยายามเข้าศูนย์ตามรอบที่กำหนด หรือถ้าท่านใดที่มีรถเก่าไม่ได้เอาไปเช็คที่ศูนย์ ก็พยายามหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ใส้กรองน้ำมันเครื่อง ตามรอบระยะเวลาที่เหมาะสม

บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น 

น้ำหนักของรถก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รถประหยัดน้ำมันเช่นเดียวกัน ถ้ารถบรรทุกสัมภาระมากไปก็จะทำให้เกิดแรงต้าน น้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก นั่นเอง

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านนะครับ วันนี้ทาง รถบ้านเจ้าของขายเอง ขอตัวลาไปก่อน และในอนาคตก็จะมีบทความดี ๆ ข้อมูลดี ๆ มาบอกทุกท่านกันเช่นเคย และขอฝากเว็บไซต์เราเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการประกาศ ซื้อ-ขาย รถยนต์มือสองด้วยนะครับผม